หัวข้อ
- #การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- #ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- #ผลกระทบทางเศรษฐกิจของระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- #การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- #ก๊าซเรือนกระจก
สร้าง: 2024-06-25
สร้าง: 2024-06-25 13:51
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลายคนอาจเคยได้ยินคำศัพท์นี้มาก่อน แต่เราจะมาเจาะลึกถึงรายละเอียดว่ามันคืออะไร และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร
ก่อนที่จะไปดูระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก่อน
เรียกอีกอย่างว่าภาวะโลกร้อน ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างๆ มากมาย แต่สาเหตุหลักมาจาก การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ นั่นเอง
ก๊าซเรือนกระจกนั้นมีอยู่ในชั้นบรรยากาศ และมีบทบาทในการรักษาอุณหภูมิของโลกให้คงที่ แต่เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ทำให้ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกินกว่าปกติ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ประชากรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรม ทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลกอย่างรุนแรง และคุกคามการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ ดังนั้น ประชาคมโลกจึงพยายามอย่างเต็มที่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นกลไกที่ใช้กลไกตลาดเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ
กำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่อนุญาตให้กับแต่ละประเทศหรือแต่ละบริษัท โดยแต่ละหน่วยงานจะได้รับการจัดสรรโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกว่าโควตาที่ได้รับ จะต้องซื้อโควตาจากหน่วยงานอื่น และในทางกลับกัน หากปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าโควตาที่ได้รับ ก็สามารถขายโควตาส่วนที่เหลือให้กับหน่วยงานอื่นได้
วิธีนี้ช่วยเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และกระตุ้นให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจ นอกจากนี้ ระบบการซื้อขายยังทำให้เกิดการกำหนดราคา ซึ่งผู้เข้าร่วมตลาดจะตัดสินใจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือไม่ตามการเปลี่ยนแปลงของราคา กล่าวคือ สามารถตัดสินใจอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากต้นทุนและผลประโยชน์ที่เกิดจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มีการนำมาใช้ในหลายประเทศแล้ว และรัฐบาลแต่ละประเทศก็กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละปี และดำเนินการระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับนานาชาติในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัจจุบัน (ปี 2566) มีกว่า 60 ประเทศที่ได้นำระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในระดับประเทศ หรือมีแผนที่จะนำมาใช้ และในระดับภูมิภาคก็มีการนำระบบนี้มาใช้ในหลายพื้นที่ เช่น สหภาพยุโรป (EU), รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
สหภาพยุโรป (EU)ได้เริ่มนำระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้กับประเทศในภูมิภาคตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดและมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในโลก EU ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 40% ภายในปี 2553 เมื่อเทียบกับปี 2536 และในภายหลังก็ได้ผลักดันร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 55% ภายในปี 2573
สหรัฐอเมริกาได้นำระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในระดับรัฐ โดยเฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่เริ่มนำระบบนี้มาใช้ในปี 2549 นอกจากนี้ รัฐอื่นๆ เช่น นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ แมสซาชูเซตส์ ก็ได้นำระบบนี้มาใช้เช่นกัน และรัฐบาลกลางก็กำลังพิจารณาที่จะนำระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในระดับประเทศด้วย
จีนได้เริ่มใช้ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับประเทศตั้งแต่ปี 2560 และใน 7 พื้นที่ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น ได้เริ่มนำระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในระดับท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2556 หลังจากผ่านโครงการทดลอง
ญี่ปุ่นได้เริ่มนำระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในบางพื้นที่ เช่น โตเกียว โอซาก้า ตั้งแต่ปี 2556 และมีแผนที่จะเริ่มใช้ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับประเทศในปี 2566
ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นระบบที่กำหนดให้บริษัทต่างๆ มีหน้าที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสามารถซื้อขายโควตาได้
แต่ก็มีผลกระทบเชิงลบเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการออกแบบนโยบายที่รอบคอบจากภาครัฐ โดยการจัดสรรโควตาในระดับที่เหมาะสม และมาตรการรักษาเสถียรภาพของตลาด เพื่อลดภาระของบริษัทต่างๆ และบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นระบบที่จำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท และอนุญาตให้ซื้อขายโควตาได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศที่มีสัดส่วนอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการส่งออกสูง จำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายโควตา เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล
มีหลายประเทศที่ได้รายงานตัวอย่างของการดำเนินระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ประสบความสำเร็จ และตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือ ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป (EU ETS)
สหภาพยุโรปได้เริ่มใช้ระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับบริษัทกว่า 15,000 แห่งทั่วภูมิภาคตั้งแต่ปี 2548 หลังจากที่เริ่มใช้ระบบนี้ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรปก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2563 แม้ว่าจะมีวิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ผลลัพธ์ที่ได้นี้ถือเป็นผลมาจากความพยายามของสหภาพยุโรปในการผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงระบบการซื้อขายโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ขอให้พวกเราทุกคนร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า!
ความคิดเห็น0