- PIMCO PIMCO Corporate & Income Opportunity Fund COMMON - - PTY - CEF | PIMCO
- PIMCO Corporate & Income Opportunity Fund - US72201B1017 Seeks maximum total return through a combination of current income and capital appreciation.
ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับกองทุน Fidelity Income Fund ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจด้านการลงทุนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่เราจะมาดูกันว่ากองทุนนี้มีลักษณะเฉพาะอย่างไร และทำไมเราจึงควรให้ความสนใจ
กองทุน Fidelity Income Fund (Fidelity Income Fund) คืออะไร?
Fidelity Income Fund เป็นหนึ่งในกองทุนหุ้นปันผลยอดนิยมที่บริหารจัดการโดย Fidelity ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา กองทุนนี้มุ่งเน้นไปที่นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา
กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน
- เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงโดยพิจารณาจากสถานะทางการเงินและผลประกอบการของบริษัทในการคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุน
- นิยมบริษัทที่มีความมั่นคงและไม่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและแสวงหาผลตอบแทนที่มั่นคง
Fidelity Income Fund มีผลการดำเนินงานที่มั่นคงมายาวนาน นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2546 กองทุนนี้มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6% และอัตราผลตอบแทนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็สูงกว่า 30% ซึ่งถือว่าสูงมาก
แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง แต่ผลตอบแทนอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนครับ
ทำความเข้าใจกลยุทธ์การบริหารจัดการกองทุนและพอร์ตการลงทุน
กองทุนนี้ ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการแบบแอคทีฟนั่นหมายความว่าผู้จัดการกองทุนจะวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดและเลือกจัดการกับหลักทรัพย์ที่จะลงทุนอย่างแข็งขัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ผู้จัดการกองทุนจะดำเนินการวิจัยและวิเคราะห์บริษัทอย่างครอบคลุม รวมถึงประเมินศักยภาพและความเสี่ยงของแต่ละหลักทรัพย์
พอร์ตการลงทุนจะได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นประจำ เพื่อปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุน เพิ่มหลักทรัพย์ใหม่ หรือขายหลักทรัพย์เดิม กระบวนการนี้ช่วยให้กองทุนรักษาอัตราผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงตามที่กำหนดไว้
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 อุตสาหกรรมหลักที่กองทุนนี้ลงทุน ได้แก่ การเงิน (23%), สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น (17%), การดูแลสุขภาพ (14%), อุตสาหกรรม (12%), และสาธารณูปโภค (11%) หลักทรัพย์ 10 อันดับแรก ได้แก่ ธนาคารเวลส์ฟาร์โก, American Tower, ไฟเซอร์, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, และกลุ่มยูไนเต็ดเฮลธ์ เป็นต้น
การวิเคราะห์ผลกำไร: เงินปันผลและดอกเบี้ย
ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เงินปันผลเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่ 1.64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็น 2.9% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหุ้น (NAV) ของกองทุน อัตราส่วนการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 78%
ดอกเบี้ยเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ของกองทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 กองทุนได้ลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้จากดอกเบี้ยประมาณ 40% ของสินทรัพย์ทั้งหมด โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่อื่นๆ
การจัดการความเสี่ยงและความสำคัญของการกระจายการลงทุนสำหรับนักลงทุน
เป้าหมายหลักของกองทุนคือการสร้างรายได้ที่มั่นคง แต่การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ Fidelity Income Fund บริหารจัดการแบบแอคทีฟและอาจสัมผัสกับความผันผวนของตลาดได้
เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ กองทุนจึงมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น พันธบัตร เงินสด เป็นต้น และกระจายการลงทุนไปทั่วโลก กลยุทธ์การกระจายการลงทุนนี้ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในขณะที่ลดโอกาสที่จะขาดทุน
มาดูประเภทของสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุน
สินทรัพย์ประเภทหลักที่กองทุนนี้ลงทุน ได้แก่
- หุ้น:เป็นหลักทรัพย์ที่แสดงถึงการถือครองส่วนหนึ่งของบริษัท ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงแต่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน กองทุนจะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก
- พันธบัตร:เป็นตั๋วเงินที่ผู้กู้ยืมออกให้แก่ผู้ลงทุนเพื่อขอรับเงินกู้ในระยะเวลาหนึ่งพร้อมกับจ่ายดอกเบี้ยคงที่ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรบริษัท และพันธบัตรท้องถิ่น
- สินทรัพย์สภาพคล่อง:เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารทางการเงินระยะสั้น เช่น เงินฝาก เป็นต้น สินทรัพย์ประเภทนี้ใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น
แต่ละประเภทของสินทรัพย์มีลักษณะเฉพาะและโพรไฟล์ความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ดังนั้นนักลงทุนจึงควรสร้างพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
การประเมินผลตอบแทนและตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน
มีตัวชี้วัดหลายตัวที่ใช้ในการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ตัวชี้วัดพื้นฐานที่สุดคืออัตราผลตอบแทน
- อัตราผลตอบแทนรายปี:แสดงถึงผลตอบแทนรวมของกองทุนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
- อัตราผลตอบแทนรายไตรมาส:แสดงถึงผลตอบแทนของกองทุนในไตรมาสที่ผ่านมา
- อัตราผลตอบแทนล่าสุด:แสดงถึงผลตอบแทนของกองทุนในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น 1 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน เป็นต้น
อัตราผลตอบแทนเหล่านี้มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน แต่ ไม่รับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต.
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ได้แก่ อัตราส่วน Sharpe (Sharpe Ratio), อัลฟาของ Jensen (Jensen's Alpha), และอัตราส่วน Treynor (Treynor Ratio)ตัวชี้วัดเหล่านี้ใช้ในการวัดผลตอบแทนที่ปรับปรุงตามความเสี่ยงของกองทุน และ ช่วยในการประเมินความสามารถในการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนได้
วิธีการสมัครและขั้นตอนการลงทุน
หากต้องการสมัคร Fidelity Income Fund ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เปิดบัญชี:สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมือถือของ Fidelity Financial Group หรือไปที่สาขาของ Fidelity Financial Group เพื่อเปิดบัญชีแบบออฟไลน์
- กำหนดจำนวนเงินลงทุน:กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำจะแตกต่างกันไปในแต่ละกองทุน ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจ
- เลือกกองทุน:เลือก Fidelity Income Fund พิจารณาประเภทของกองทุน เป้าหมายการลงทุน และกลยุทธ์การบริหารจัดการเพื่อเลือกกองทุนที่เหมาะสม
- ยื่นคำขอลงทุน:ฝากเงินลงทุนเข้าบัญชีแล้วกรอกแบบฟอร์มขอลงทุน ระบุระยะเวลาการลงทุน เป้าหมายการลงทุน เป็นต้น
- อนุมัติการลงทุน:Fidelity Financial Group จะตรวจสอบแบบฟอร์มขอลงทุนแล้วตัดสินใจว่าจะอนุมัติหรือไม่อนุมัติการลงทุน หากได้รับอนุมัติ การลงทุนในกองทุนนั้นจะเริ่มขึ้น
- บริหารจัดการการลงทุน:หลังจากการลงทุนแล้ว ตรวจสอบผลตอบแทน องค์ประกอบของสินทรัพย์ของกองทุนเป็นระยะ และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนหากจำเป็น นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกกองทุน
เพื่อเลือกกองทุนที่เหมาะสมจากกองทุนต่างๆ จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญบางประการ ต่อไปนี้คือปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือก Fidelity Income Fund
- เป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยง:แต่ละกองทุนมีความเสี่ยงแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง หากต้องการผลตอบแทนสูง สามารถเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงได้ แต่หากต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง สามารถเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำได้
- ผลตอบแทนและผลการดำเนินงาน:สามารถวิเคราะห์ผลตอบแทนและผลการดำเนินงานในอดีตเพื่อประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ควรเลือกกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอในระยะยาว
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย:กองทุนจะมีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ ค่าธรรมเนียมการขาย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายเหล่านี้ในการเลือกกองทุน และควรพยายามค้นหากองทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ
- การจัดสรรสินทรัพย์:ตรวจสอบการจัดสรรสินทรัพย์ของกองทุนว่ากระจายไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น พันธบัตร เงินสด เป็นต้น อย่างไร การเลือกกองทุนที่มีการจัดสรรสินทรัพย์ที่สมดุลจะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
- กลยุทธ์การบริหารจัดการ:ทำความเข้าใจกลยุทธ์การบริหารจัดการของกองทุนและตรวจสอบว่าสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของตนเองหรือไม่ ผลการดำเนินงานและความเสี่ยงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่ากองทุนนั้นบริหารจัดการแบบแอคทีฟหรือแบบพาสซีฟ
การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ในการเลือก Fidelity Income Fund จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์การลงทุนที่ดีขึ้น
เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาวเนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนที่มั่นคงและความผันผวนต่ำ ผู้ที่กำลังวางแผนเตรียมเงินสำหรับการเกษียณอายุหรือการวางแผนทางการเงินในระยะยาวควรพิจารณา
ความคิดเห็น0