Cherry Bee

การวิเคราะห์งบการเงินที่จำเป็นสำหรับงบกำไรขาดทุน 2

  • ภาษาที่เขียน: ภาษาเกาหลี
  • ประเทศอ้างอิง: ทุกประเทศcountry-flag
  • อื่นๆ

สร้าง: 2024-07-16

สร้าง: 2024-07-16 14:00

ทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างกำไรสุทธิและกำไรก่อนหักภาษี

กำไรสุทธิและกำไรก่อนหักภาษีเป็นตัวเลขที่พบเห็นได้บ่อยในการอ่านงบการเงิน แม้ว่าจะดูคล้ายกันแต่จริงๆ แล้วเป็นแนวคิดที่แตกต่างกัน ทั้งสองเป็นตัวชี้วัดผลกำไรของบริษัท แต่แตกต่างกันในวิธีการคำนวณและความหมาย

  • กำไรก่อนหักภาษีคือยอดขายลบด้วยต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รายได้อื่นๆ แล้วบวกด้วยค่าใช้จ่ายอื่นๆ และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล หมายถึงกำไรก่อนหักภาษี
  • กำไรสุทธิคือกำไรก่อนหักภาษีลบด้วยค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งหมายถึงกำไรขั้นสุดท้ายที่บริษัทได้รับหลังจากชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว

ดังนั้น การเปรียบเทียบทั้งสองตัวชี้วัดนี้จะช่วยให้เราทราบถึงภาระภาษีของบริษัทและขนาดของกำไรที่แท้จริง หากกำไรก่อนหักภาษีสูงแต่กำไรสุทธิต่ำ แสดงว่าภาระภาษีสูง ในทางกลับกัน หากกำไรสุทธิสูงแต่กำไรก่อนหักภาษิต่ำ อาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายอื่นๆ สูงหรือได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

การประเมินความมั่นคงทางการเงินโดยการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ

เมื่อวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน การใช้อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญจะช่วยให้สามารถประเมินสถานะทางการเงินของบริษัทได้อย่างเป็นกลาง ตัวอย่างของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้แก่

  • อัตราส่วนผลตอบแทน:เป็นตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทสร้างผลกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ตัวอย่างของอัตราส่วนผลตอบแทน ได้แก่ อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ (ROA) อัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตราส่วนกำไรจากการขาย เป็นต้น ผ่านตัวชี้วัดเหล่านี้ เราสามารถประเมินผลกำไรของบริษัทและเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้
  • อัตราส่วนความมั่นคง:เป็นตัวชี้วัดที่แสดงถึงความมั่นคงทางการเงินของบริษัท ตัวอย่างของอัตราส่วนความมั่นคง ได้แก่ อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ อัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียน และอัตราส่วนเงินสด เป็นต้น ผ่านตัวชี้วัดเหล่านี้ เราสามารถประเมินความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้และความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ระยะสั้นได้
  • อัตราส่วนกิจกรรม:เป็นตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ตัวอย่างของอัตราส่วนกิจกรรม ได้แก่ อัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงคลัง อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้ เป็นต้น ผ่านตัวชี้วัดเหล่านี้ เราสามารถประเมินการใช้สินทรัพย์ของบริษัทและระบุจุดที่ต้องปรับปรุงได้
  • อัตราส่วนการเติบโต:เป็นตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัท ตัวอย่างของอัตราส่วนการเติบโต ได้แก่ อัตราการเติบโตของยอดขาย อัตราการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงาน อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ เป็นต้น ผ่านตัวชี้วัดเหล่านี้ เราสามารถประเมินการเติบโตของบริษัทและคาดการณ์อนาคตได้

การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินเหล่านี้โดยรวมจะช่วยให้สามารถประเมินสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยในการกำหนดกลยุทธ์ของบริษัทและการตัดสินใจลงทุน

วิธีการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในงบกำไรขาดทุน

เมื่อวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำความเข้าใจผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทได้อย่างถูกต้อง

วิธีการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงมีดังนี้

  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของยอดขาย:เป็นหนึ่งในรายการที่สำคัญที่สุด หากยอดขายเพิ่มขึ้น แสดงว่าผลกำไรของบริษัทดีขึ้นและมีโอกาสเติบโตสูง ในทางกลับกัน หากยอดขายลดลง แสดงว่าผลกำไรของบริษัทลดลงและอาจเผชิญกับภาวะวิกฤต จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ปัจจัยตามฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และการเข้ามาของคู่แข่ง เป็นต้น
  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย:เป็นรายการที่สำคัญเช่นเดียวกับยอดขายและมีผลโดยตรงต่อผลกำไรของบริษัท ต้องวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายในการผลิต ค่าโฆษณา เป็นต้น และค้นหาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถหาวิธีลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลกำไรได้
  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของกำไรและขาดทุนอื่นๆ:จำเป็นต้องวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของรายได้ดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย รายได้จากเงินปันผล เป็นต้น ซึ่งจะช่วยในการประเมินความมั่นคงทางการเงินของบริษัทและวางแผนการจัดหาเงินทุน
  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล:ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดผลกำไรขั้นสุดท้ายของบริษัท ดังนั้นจึงต้องวิเคราะห์ให้ดี ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบภาษีและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษี
  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิ:สุดท้าย การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิก็มีความสำคัญเช่นกัน และจำเป็นต้องพิจารณาจากรายการข้างต้นโดยรวม ซึ่งจะช่วยให้สามารถประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทและคาดการณ์อนาคตได้

การฝึกปฏิบัติและสรุปการอ่านงบกำไรขาดทุนผ่านตัวอย่างจริง

ตอนนี้เรามาฝึกปฏิบัติการอ่านงบกำไรขาดทุนกันโดยใช้ตัวอย่างจริง ด้านล่างนี้เป็นงบกำไรขาดทุนของบริษัท A ที่สมมติขึ้นในปี 2564

รายการบัญชี

จำนวนเงิน

ยอดขาย 100,000,000 บาท

ต้นทุนขาย 60,000,000 บาท

กำไรขั้นต้น 40,000,000 บาท

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 20,000,000 บาท

กำไรจากการดำเนินงาน 20,000,000 บาท

รายได้อื่นๆ 5,000,000 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 3,000,000 บาท

กำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 22,000,000 บาท

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 4,400,000 บาท

กำไรสุทธิ 17,600,000 บาท

สรุปงบกำไรขาดทุนข้างต้นได้ดังนี้

-ยอดขายในปี 2564 อยู่ที่ 100 ล้านบาท และต้นทุนขายอยู่ที่ 60 ล้านบาท
-กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40 ล้านบาท (ยอดขาย - ต้นทุนขาย)
-ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 20 ล้านบาท
-กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 20 ล้านบาท (กำไรขั้นต้น - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร)
-รายได้อื่นๆ อยู่ที่ 5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 3 ล้านบาท
-กำไรก่อนหักภาษีเงินได้อยู่ที่ 22 ล้านบาท (กำไรจากการดำเนินงาน + รายได้อื่นๆ - ค่าใช้จ่ายอื่นๆ)
-ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้อยู่ที่ 4.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.6 ล้านบาท (กำไรก่อนหักภาษีเงินได้ - ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้)

บทส่งท้าย

วันนี้เราได้เรียนรู้วิธีการตรวจสอบผลกำไรของบริษัทผ่านงบกำไรขาดทุนแล้ว งบกำไรขาดทุนเป็นส่วนสำคัญที่สุดของงบการเงิน ดังนั้นควรจดจำเนื้อหาที่กล่าวมาไว้และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์

ความคิดเห็น0

3 ประเด็นสำคัญกว่าสไตล์ในการเลือกหุ้น: 1) บริษัทที่ดี 2) หุ้นที่ดี 3) ราคาที่ดีการซื้อหุ้นของบริษัทที่ดีที่มีการเติบโตในราคาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ และควรพิจารณาถึงความสำคัญของผู้ถือหุ้นรายย่อยในสายตาของผู้บริหารด้วย
고집스런가치투자
고집스런가치투자
고집스런가치투자
고집스런가치투자

April 3, 2024

เป้าหมายความมั่งคั่ง (ตามจำนวนเงิน)อ้างอิงจากหนังสือ "เพื่อนบ้านเศรษฐี" เพื่อกำหนดเป้าหมายจำนวนเงินและวิธีการเพื่อความมั่งคั่ง โดยวางแผนเพิ่มสินทรัพย์สุทธิผ่านการออมและการลงทุน
(로또 사는 아빠) 살림 하는 엄마
(로또 사는 아빠) 살림 하는 엄마
(로또 사는 아빠) 살림 하는 엄마
(로또 사는 아빠) 살림 하는 엄마

April 20, 2024

คำถามเกี่ยวกับ DCF (วิธีคิดลดกระแสเงินสด) ในวิธีการประเมินมูลค่าบริษัทเป็นคำถามจากสตาร์ทอัพที่ใช้ DCF ในการประเมินมูลค่าธุรกิจ โดยมีคำถามต่างๆ เกี่ยวกับสูตรคำนวณ DCF, การตั้งค่าอัตราคิดลด, และวิธีการทำสัญญาลงทุนเพื่อคุ้มครองความลับทางการค้า
s-valueup
s-valueup
s-valueup
s-valueup

May 16, 2025

เหตุผลที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นและนโยบายการคืนผลประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้น ในขณะที่ประเทศเกาหลีใต้มีผลตอบแทนที่ต่ำเนื่องจากการลดทอนคุณค่าของผู้ถือหุ้น
고집스런가치투자
고집스런가치투자
고집스런가치투자
고집스런가치투자

April 3, 2024

[หุ้นต่างประเทศ] ซื้อหุ้นแล้วได้เงินใช้ทุกเดือน? ข้อมูลและการวิเคราะห์บริษัท Realty Income (2/2)รวบรวมข้อมูลการวิเคราะห์บริษัท Realty Income (O) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และข้อมูลเกี่ยวกับเงินปันผล หุ้นที่น่าสนใจที่สามารถรับเงินปันผลเหมือนได้เงินใช้ทุกเดือน แต่ก็มีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
이영도
이영도
이영도
이영도

April 21, 2024