บทสรุปของโพสต์โดย durumis AI
- ภาวะโลกร้อนคือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกอันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบภูมิอากาศและเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ
- การใช้พลังงานหมุนเวียน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรมและการขนส่ง การอนุรักษ์ป่าไม้ เป็นความพยายามในหลายแง่มุมควบคู่ไปกับการประหยัดพลังงาน การใช้ระบบขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่แต่ละบุคคลต้องลงมือปฏิบัติ
- การกำหนดนโยบายของภาครัฐและภาคเอกชน ความร่วมมือระหว่างประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นความพยายามอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับความร่วมมือระหว่างประเทศผ่าน UNFCCC (อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) และข้อตกลงปารีส เป็นต้น เพื่อรับมือกับปัญหาแบบร่วมกัน
ปัจจุบันปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เราลองมาพูดคุยกันดูนะครับว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง
ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ภาวะโลกร้อนหมายถึงปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นผิวโลกเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุเกิดจากการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ฯลฯ ในชั้นบรรยากาศ ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้มีอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก และจะดูดซับพลังงานที่ปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ แล้วปล่อยกลับมายังภายในโลก ส่งผลให้อุณหภูมิภายในโลกสูงขึ้น ซึ่งนั่นคือสาเหตุของภาวะโลกร้อน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิอากาศโลกอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน กล่าวคือ ภาวะโลกร้อนทำให้ปัจจัยสภาพภูมิอากาศต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน ความชื้น เปลี่ยนแปลงไปในระยะยาว
ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ ดังนั้น ประชาคมโลกจึงพยายามหาแนวทางในการรับมือกับปัญหานี้
การวิเคราะห์สาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถจำแนกได้ดังนี้
- ภาคอุตสาหกรรม: ภาคอุตสาหกรรมเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด อุตสาหกรรมเหล็ก ปูนซีเมนต์ ปิโตรเคมี เป็นต้น จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามากมาย
- ภาคพลังงาน: ภาคพลังงานเป็นสาเหตุรองลงมาจากภาคอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า รถยนต์ ฯลฯ ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมา
- ภาคเกษตรกรรม: ภาคเกษตรกรรมก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นกัน มีเทนที่เกิดจากมูลสัตว์ ปุ๋ย เป็นต้น เป็นก๊าซเรือนกระจกชนิดหนึ่ง
- ภาคของเสีย: ของเสียที่เกิดขึ้นจากการดำรงชีวิตของมนุษย์ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเช่นกัน การย่อยสลายของอินทรียวัตถุในขยะอาหาร ขยะก่อสร้าง เป็นต้น ก็ทำให้เกิดมีเทนได้เช่นกัน
- อื่นๆ: นอกจากนี้ การคมนาคม การตัดไม้ทำลายป่า ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นกัน
การใช้ประโยชน์และการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน
การใช้ประโยชน์และการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนเป็นหนึ่งในแนวทางการรับมือกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ได้รับความสนใจ
- พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ เป็นต้น เป็นทรัพยากรที่ไม่มีวันหมด สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศหรือปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- ด้วยข้อดีเหล่านี้ ทำให้ทั่วโลกกำลังส่งเสริมการใช้และขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน การเปลี่ยนผ่านจากระบบพลังงานที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลักไปสู่ระบบพลังงานที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก เป็นภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งในการป้องกันและรับมือกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- การดำเนินการนี้จำเป็นต้องอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคน การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยให้เราสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้
มาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมและภาคการคมนาคม
ภาคอุตสาหกรรมและภาคการคมนาคมซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
- ภาคอุตสาหกรรมสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน และนำเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) มาใช้
- ภาคการคมนาคมสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้โดยการขยายการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮโดรเจน ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และปรับปรุงระบบการคมนาคม
- นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางเทคนิคและนโยบายอื่นๆ อีกมากมาย เช่นการปรับปรุงกระบวนการผลิต การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสร้างระบบการคมนาคมอัจฉริยะ เป็นต้น
การเพิ่มศักยภาพการดูดซับคาร์บอนผ่านการอนุรักษ์และขยายพื้นที่ป่าไม้
ป่าไม้เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศและปล่อยออกซิเจนตามธรรมชาติ การทำลายและสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ทำให้ลดทอนศักยภาพการดูดซับคาร์บอน และยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ
ดังนั้น การอนุรักษ์และขยายพื้นที่ป่าไม้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราจำเป็นต้องอนุรักษ์ป่าไม้ที่มีอยู่เดิม และบริหารจัดการอย่างยั่งยืน รวมถึงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าใหม่ การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการดูดซับคาร์บอนของป่าไม้ และลดความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ
นอกจากนี้ ควรมีการจัดทำนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องระบบนิเวศป่าไม้ เช่น การป้องกันและดับไฟป่า การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น
วิธีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง นอกจากความพยายามของภาครัฐและภาคเอกชนแล้ว ประชาชนเองก็จำเป็นต้องร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ดังต่อไปนี้
- การประหยัดพลังงาน: การประหยัดพลังงานไฟฟ้า แก๊ส น้ำ ในบ้านหรือที่ทำงาน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก ควรลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น และใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง
- การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ: การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ จักรยาน หรือการเดิน แทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การลดการใช้ผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง: ผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้งใช้เวลาย่อยสลายนาน และการผลิตก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเป็นจำนวนมาก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และลดการใช้ผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง
- การบริโภคอย่างชาญฉลาด: การซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
การลงมือทำเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้
บทบาทและความรับผิดชอบของภาครัฐและภาคเอกชน
ภาครัฐและภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บทบาทของภาครัฐ
- การกำหนดนโยบาย: ภาครัฐต้องกำหนดนโยบายเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และดำเนินการตามนโยบายนั้นๆ ซึ่งรวมถึงการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน
- ความร่วมมือระหว่างประเทศ: ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาของโลกทั้งใบ จึงจำเป็นต้องมีการร่วมมือกันในระดับนานาชาติ ภาครัฐต้องเข้าร่วมการเจรจาระหว่างประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศต่างๆ
- การศึกษาและการประชาสัมพันธ์: การให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ประชาชน และสร้างความตระหนักรู้ก็เป็นบทบาทหนึ่งของภาครัฐ
บทบาทของภาคเอกชน
- การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: ภาคเอกชนต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน: ภาคเอกชนต้องดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
- การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์: การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตสินค้าก็เป็นบทบาทหนึ่งของภาคเอกชน และการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะอย่างโปร่งใสจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคด้วย
ความร่วมมือและความพยายามในระดับนานาชาติเพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาของโลกทั้งใบที่ไม่มีพรมแดน จึงจำเป็นต้องมีการร่วมมือและความพยายามในระดับนานาชาติ เพื่อจุดประสงค์นี้ จึงได้มีการการลงนามในข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ เช่นอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (UNFCCC) และความตกลงปารีส (Paris Agreement)
- อนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (UNFCCC): เป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อป้องกันภาวะโลกร้อน ประเทศที่เข้าร่วมอนุสัญญาต้องดำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันภาวะโลกร้อน และต้องส่งข้อมูลสถิติการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้แก่สหประชาชาติ
- ความตกลงปารีส (Paris Agreement): ได้รับการรับรองในระหว่างการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 21 (COP21) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 เป็นข้อตกลงสุดท้ายเพื่อกำหนดกรอบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหลังปี พ.ศ. 2563 ความตกลงปารีสมีเนื้อหาเกี่ยวกับการควบคุมไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นเกินกว่า 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม และพยายามจำกัดไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
ประชาคมโลกกำลังดำเนินการต่างๆตามข้อตกลงเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น กองทุนสภาพภูมิอากาศสีเขียว (GCF) และเครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ (CTCN)
- กองทุนสภาพภูมิอากาศสีเขียว (GCF) เป็นกองทุนสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำนักงานเลขาธิการตั้งอยู่ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ณ ปี พ.ศ. 2564 มีการจัดสรรเงินกองทุนรวม 102 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศกำลังพัฒนา
- เครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ (CTCN) เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก CTCN มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก
บทส่งท้าย
เริ่มต้นลดการใช้ผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ฯลฯ จากการลงมือทำเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้กันเถอะครับ